ปอดป๊อปคอร์น และความเกี่ยวโยงกับบุหรี่ไฟฟ้า

อัพเดทใหม่ล่าสุดเมื่อ 14 มิถุนายน 2023

Popcorn lung(ปอดป๊อปคอร์น) คือคำที่ใช้เรียกโรคภาวะรุนแรงในปอดที่รู้จักกันในชื่อ Bronchiolitis Obliterans โดยใช้ชื่อย่อว่า BO และบางครั้งเรียกว่า หลอดลมฝอยอักเสบตีบ โรคนี้มีลักษณะโรคที่สังเกตได้โดยง่ายคือจะเกิดแผลเป็นทางเดินหายใจที่ขนาดเล็กที่สุดในปอด ซึ่งก็คือหลอดลมฝอย ซึ่งหากเกิดโรคปอดป๊อปคอร์นขึ้นร่างกายจะลดการทำงานของปอดและความจุของปอด ซึ่งการปลูกถ่ายปอดใหม่ยังคงเป็นวิธีเดียวในการรักษาภาวะนี้

BO หรือ โรคหลอดลมฝอยอักเสบอาจเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น การติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย และจากเชื้อรา หรือการหายใจเอาอนุภาคเคมีเข้าไปในปอดซึ่งเป็นสารเคมีที่อัตราย เช่น ไดอะซิทิล(diacetyl) มักเกี่ยวข้องกับโรคPopcorn lung(ปอดป๊อปคอร์น)ที่เรากำลังกล่าวถึง ทั้งการปลูกถ่ายปอดซึ่งเป็นวิธีเดียวในการรักษาโรคปอดข้าวโพดคั่วนี้ ก็สามารถนำไปสู่ภาวะนี้ซ้ำขึ้นอีกครั้งได้ นี่จึงเป็นสาเหตุหลักที่ กลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการหลอดลมฝอยอักเสบจากการติดเชื้อ (Bronchiolitis obliterans syndrome – BOS) มักปฏิเสธการปลูกถ่ายปอดเรื้อรังอีกครั้ง

อาการของโรคปอดป๊อปคอร์น

เมื่อเกิดแผลเป็นบนเนื้อเยื่อปอดและมีภาวะปอดป๊อปคอร์น ผู้ที่ป่วยจะเกิดโรคปอดป๊อปคอร์นจะมีอาการใกล้เคียงกับโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) แต่อาการปอดป๊อปคอร์นสามารถเกิดขึ้นและสังเกตเห็นได้ภายใน 2-8 สัปดาห์ ในขณะที่โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง(bronchiolitis)มักใช้เวลาหลายปีหรือหลายสิบปีกว่าอาการจะออกให้คุณสังเกตได้ และนี่คือสัญญาณเริ่มต้นของอาการปอดป๊อปคอร์นที่คุณสามารถพบได้

  • 1.ไอแห้ง
  • 2.หายใจถี่ขึ้น
  • 3.ความอดทนปอดต่ำ
  • 4.หายใจเสียงดัง คล้ายหอบหืด
  • 5.เหนื่อยล้าง่าย

แม้โรคปอดป๊อปคอร์นจะเป็นโรคที่พบได้ยากมาก แต่อาการเริ่มแรกของโรคปอดป๊อปคอร์นอาจทำให้แพทบ์เข้าใจผิดว่าเป็นไข้หวัดปกติได้ ในช่วงหลายสัปดาห์หรือหลายเดือน อาการเหล่านี้จะรุนแรงขึ้นและรุนแรงขึ้น ซึ่งนำไปสู่ปัญหาการหายใจและการดูดซึมออกซิเจนบกพร่องในที่สุด หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา โรคปอดป๊อปคอร์นอาจทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้จากการหายใจที่ล้มเหลวในช่วงระยะเวลาหลายเดือนหรือหลายปีที่เผชิญโรคร้ายนี้

การวินิจฉัยโรคปอดป๊อปคอร์นอาจเป็นเรื่องยากและไม่มีตัวชี้วัดที่แน่นอน แม้ว่าการ CTสแกน และการทดสอบการทำงานของปอดโดยแพทย์จะสามารถบ่งชี้โรคได้ แต่วิธีเดียวที่จะมั่นใจได้ถึงผลตรวจและวินิจฉัยโรคปอดป๊อปคอร์นคือการตรวจชิ้นเนื้อปอดโดยการผ่าตัด ซึ่งต้องใช้ชิ้นเนื้อจำนวนมากของผู้ป่วยเพื่อผลลัพธ์ที่แม่นยำที่สุด

ทำไมถึงได้ชื่อว่าโรคปอดป๊อปคอร์น

เนื่องด้วยในปี พ.ศ. 2545 ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ได้รายงานว่า มีผู้ป่วยที่เป็นพนักงานของโรงงานข้าวโพดคั่วในรัฐมิสซู สหรัฐอเมริกา จำนวน 8 ราย ซึ่งมีอาการปอดเสียหายในภาวะที่รุนแรง เนื่องจากผู้ป่วยทั้ง 8 รายทำหน้าที่ผสมเครื่องปรุงข้าวโพดคั่วเป็นเวลานาน ซึ่งต้องรับสารเคมีอันตรายอย่าง ไดอะเซทิล(diacety) กับน้ำมันร้อนในถังคั่่วข้าวโพดตลอดระยะเวลาปฎิบัติหน้าที่และได้รับคำวินิจฉัยจากแพทย์ว่าเป็นโรค ปอดป๊อปคอร์นครั้งแรกที่ตรวจพบในที่สุด

ด้วยหลักการทำงานของหลอดลมภายในร่างกายของมนุษย์นั้นเริ่มต้นผ่านกล่องเสียงในคอหอย ลงไปสู่หลอดลมขนาดใหญ่ที่แบ่งออกเป็นหลอดลมหลักด้านขวาและด้านซ้าย จากนั้นอากศภายในหลอดลมจึงกระจายไปทั่วบริเวณปอดต่างๆ ค่อยๆ ตีแคบลงจนถึงถุงลม(ปอด) กล่าวคือ ปอดของมนุษย์และหลอดลมเปรียบเสมือนเครื่องแลกเปลี่ยนก๊าซ

ซึ่งหลอดลมฝอยนั้นเป็นส่วนเล็ก ๆ ของหลอดลมก่อนถึงถุงลม หลอดลมส่วนนี้มีแถบผังกล้ามเนื้อเรียบหนาล้อมรอบ สามารถควบคุมแรงต้านของทางเดินหายใจโดยรวมได้ เมื่อกล้ามเนื้อเหล่านี้หดตัวจากโรคปอดป๊อปคอร์น เราจะได้ยินเสียงปอด “หวี๊ด” เหมือนกับเสียงที่ได้ยินจากผู้ป่วยในโรคหอบหืด และยังคล้ายกับเสียงข้าวโพดที่กำลังจะคั่วกลายเป็นป๊อปคอร์นสุกอีกด้วย

เมื่อช่วงปี 2000 มีรายงานโรคปอดป๊อปคอร์นนี้ ปรากฏมากในหมู่คนงานในโรงงานป๊อปคอร์นแบบบรรจุห่อ สำหรับสาเหตุนั้นต้องสืบย้อนไปถึงสารไดอะเซทิล(diacetyl) ซึ่งเป็นสารปรุงแต่งรสเนยในป๊อปคอร์นกึ่งสำเร็จรูป ซึ่งเป็นพิสูจน์พบในชั้นศาลว่า ไดอะเซทิล(diacetyl)เป็นสารอันตรายและเป็นสารที่เป็นสาเหตุหลักที่เกิดโรคปอดป๊อปคอร์นในหมู่พนักงานภายในโรงงาน

น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้ามีสารไดอะเซทิล(diacetyl) หรือไม่?

จริงอยู่ที่สารไดอะเซทิล(diacetyl) สามารถพบได้ในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าและน้ำยาพอตบางชนิดและบางยี่ห้อในร้านบุหรี่ไฟฟ้า หากแต่ไม่เสมอไป เนื่องด้วยสารปรุงแต่งกลิ่นที่ใช้ในการผลิตน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าและหัวพอต(Pods)บางยี่ห้อมีการใช้สารไดอะเซทิล(diacetyl)เพื่อวัตถุประสงค์ในการให้กลิ่นรสของเนย คัสตาร์ดและขนมหวานอื่นๆ เมื่อผู้ใช้สูบควัน

อันตรายต่อสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นจากการรับสาร ไดอะเซทิล(diacetyl) ในการสูบบุหรี่ไฟฟ้าและพอต เป็นประเด็นที่ผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้ากังวลกันมาตั้งแต่การถือกำเนิดโทคโนโลยีบุหรี่ไฟฟ้ารุ่นแรกๆ ซึ่งได้มีงานวิจัยรองรับด้วยบทความทางวิทยาศาสตร์เป็นครั้งแรกในปี 2014 โดยแพทย์โรคหัวใจ Konstantinos Farsalinos ทีมวิจัย ได้พบไดอะเซทิล(diacetyl)เป็นส่วนประกอบในน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้ารสนม และรสเนย จำนวนมาก 

หากแต่ทีมวิจัยของ Konstantinos ได้กล่าวว่า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าจำพวกนี้ถือเป็น “ความเสี่ยงที่สามารถหลีกเลี่ยงได้” กล่าวคือ คุณสามารถหลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่อโรค Popcorn lung(ปอดป๊อปคอร์น) ได้โดยการ งดใช้น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้ารสหวาน หรือรสที่คล้ายกับเนย ซึ่งมักมีไดอะเซทิล(diacetyl)เป็นส่วนผสมของน้ำยา

การสูบบุหรี่ไฟฟ้าทำให้เป็นโรคปอดป๊อปคอร์น ?

ในปัจจุบันยังไม่มีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ใดยืนยันว่าโรคปอดป๊อปคอร์นเกิดจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้าโดยตรง แม้จะมีข่าวมากมายที่ชี้ให้เห็นความเชื่อมโยงที่เป็นไปได้ หากแต่ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนในการศึกษาการเรื่องน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าที่สนับสนุนว่าเป็นสาเหตุของป๊อปคอร์นปอด

อย่างไรก็ตาม จากการวิเคราะห์ข้อมูลจากทีมน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าของ Podsamurai ร้านบุหรี่ไฟฟ้า การสัมผัสและรับสารไดอะเซทิล(diacetyl)จากการสูบบุหรี่มวนนั้น ควันบุหรี่มวนมี diacetyl มากกว่าที่พบในผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้าอย่างน้อย 100 เท่า 

แม้จะมีผู้สูบบุหรี่ประมาณหนึ่งพันล้านคนทั่วโลกที่รับสาร ไดอะเซทิล(diacetyl)จากบุหรี่มวนดั้งเดิมเป็นประจำ แต่ก็ยังไม่มีผู้สูบบุหรี่มวนคนใดที่ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคป๊อปคอร์นปอด ที่น่าสนใจสำหรับเราคือพนักงาน 8 คนที่ทำงานอยู่ในโรงงานข้าวโพดคั่วนั้นอาจเป็นผู้สูบบุหรี่มวนร่วมด้วย

บทส่งท้าย

แม้ว่าการสูบบุหรี่ไฟฟ้าจะมีอันตรายมากมายแต่โรคปอดป๊อปคอร์นไม่ใช่หนึ่งในความเสี่ยงนั้น และอย่างมากที่สุด บุหรี่ไฟฟ้ามีสารไดอะเซทิล(diacetyl)เพียงประมาณ 1 เปอร์เซ็นต์ที่พบในบุหรี่มวน อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่าการสูบบุหรี่ไฟฟ้าทำให้เกิดโรคปอดปอดป๊อปคอร์น

เขียนโดย เฮียจุ๋ย วงศ์พัฒนา

เฮียจุ๋ยเป็นบุคคลสำคัญในแวดวงบุหรี่ไฟฟ้า(พอต) ด้วยความรู้และประสบการณ์ที่กว้างขวางในอุตสาหกรรมและด้วยประสบการณ์จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เฮียจุ๋ยได้ค้นคว้าและเขียนเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้ามาเป็นเวลา 3 ปี และตั้งใจจะสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองเป็นผู้มีชื่อเสียงชั้นนำในโลกแห่งบุหรี่ไฟฟ้านี้

#TAG
บทความที่เกี่ยวข้อง
บุหรี่ไฟฟ้า NEXT PRO ยังน่าใช้อยู่ไหมในปี 2025?
NEXT PRO มาพร้อมการออกแบบที่เรียบง่ายและทันสมัย ตัวเครื่องมีขนาดเล็กกะทัดรัด พกพาสะดวก และใช้วัสดุที่มีคุณภาพเพื่อความทนทาน ในด้านเทคโนโลยี NEXT PRO มีแบตเตอรี่ขนาด 400 mAh และกำลังไฟ 10 วัตต์ (10 W) รองรับการใช้งานในชีวิตประจำวันได้ดี
อ่านต่อ บุหรี่ไฟฟ้า NEXT PRO ยังน่าใช้อยู่ไหมในปี 2025?
Categories: ทั่วไป
X