อัพเดทใหม่ล่าสุดเมื่อ 9 กุมภาพันธ์ 2025
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา บุหรี่ไฟฟ้าหรือพอตได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศไทย โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นและคนทำงาน แม้จะเป็นสิ่งผิดกฎหมาย แต่ก็ยังมีการลักลอบจำหน่ายอย่างแพร่หลาย สิ่งที่น่ากังวลนอกเหนือจากผลกระทบต่อสุขภาพแล้ว ยังมีอันตรายจากการเกิด “กลิ่นไหม้” ระหว่างการสูบอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนที่ไม่ควรละเลย เพราะอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพและความเสียหายของอุปกรณ์ได้
นั่นทำให้ในวันนี้ Podsamurai ร้านบุหรี่ไฟฟ้าที่ห่วงใยลูกค้าที่สุดในไทย จะมาให้ความรู้ที่เราควรตระหนักและมอบวิธีรับมือให้แก่พวกคุณกัน
สาเหตุของกลิ่นไหม้
น้ำยาหมดหรือใกล้หมด: ย่อมเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดกลิ่นไหม้ เมื่อน้ำยาในพอตหรือหลอดน้ำยาที่เหลือน้อย คอยล์จะไม่ได้รับการหล่อเลี้ยงน้ำยาอย่างเพียงพอ ทำให้เกิดการเผาไหม้สำลีแทน ส่งผลให้มีกลิ่นไหม้และรสชาติที่ไม่พึงประสงค์
คอยล์เสื่อมสภาพ: เมื่อใช้งานคอยล์มาระยะหนึ่ง สำลีภายในจะเริ่มเสื่อมคุณภาพ ทำให้การดูดซับน้ำยาไม่มีประสิทธิภาพ นำไปสู่การเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์และเกิดกลิ่นไหม้ โดยทั่วไปควรเปลี่ยนคอยล์ทุก 1-2 สัปดาห์ขึ้นอยู่กับความถี่ในการใช้งาน
สังเกตประเภทของกลิ่นไหม
กลิ่นไหม้แบบฉับพลัน: หากกลิ่นไหม้เกิดขึ้นทันทีระหว่างการสูบ มักเกิดจากน้ำยาหมดหรือใกล้หมด ให้ตรวจสอบระดับน้ำยาในพอตทันที หากพบว่าเหลือน้อย ควรเติมน้ำยาหรือเปลี่ยนพอตใหม่หรือซื้อพอตใช้แล้วทิ้งเครื่องใหม่ในทันที
กลิ่นไหม้แบบค่อยเป็นค่อยไป: หากกลิ่นไหม้ค่อยๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มักเกิดจากคอยล์เสื่อมสภาพ สังเกตได้จากรสชาติที่จืดลง ควันที่น้อยลง หรือการดูดที่ฝืดมากขึ้น ควรพิจารณาเปลี่ยนพอตชิ้นใหม่
การแก้ไขและป้องกัน
การดูแลน้ำยา
- ตรวจสอบระดับน้ำยาสม่ำเสมอ
- เติมน้ำยาก่อนระดับจะลดลงต่ำกว่าช่องระบายอากาศของคอยล์
- ใช้น้ำยาที่เหมาะสมกับกำลังวัตต์ของคอยล์เสมอ
การดูแลคอยล์
- สังเกตสีของสำลีในคอยล์ หากเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้มหรือดำ ควรเปลี่ยนคอยล์ใหม่
- หลีกเลี่ยงการสูบแห้งหรือการกดปุ่มโดยไม่มีน้ำยา
- ปรับกำลังวัตต์ให้เหมาะสมกับคอยล์ที่ใช้
ความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
การฝืนใช้พอตที่มีกลิ่นไหม้ต่อไปอาจก่อให้เกิดอันตรายได้หลายประการ การสูดดมควันจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์อาจระคายเคืองระบบทางเดินหายใจ และในบางกรณีอาจรุนแรงถึงขั้นเกิดการอักเสบของปอดได้ นอกจากนี้ การใช้งานต่อเนื่องอาจทำให้แบตเตอรี่ร้อนเกินและเกิดอันตรายได้
วิธียืดอายุการใช้งานพอตไม่ให้ไหม้
การใช้งานอย่างถูกวิธีจะช่วยยืดอายุการใช้งานและลดโอกาสเกิดกลิ่นไหม้ได้ ควรปฏิบัติดังนี้
ปรับกำลังวัตต์ให้เหมาะสม การใช้กำลังวัตต์ที่สูงเกินไปจะทำให้คอยล์เสื่อมเร็วและเสี่ยงต่อการเกิดกลิ่นไหม้ ควรเริ่มจากกำลังวัตต์ต่ำและค่อยๆ ปรับขึ้นจนพบระดับที่เหมาะสม
พักการใช้งานเป็นระยะ การสูบต่อเนื่องนานเกินไปจะทำให้คอยล์ร้อนจัด ควรพักการใช้งาน 30 วินาทีทุกๆ 3-4 ครั้งที่สูบ
รู้ได้อย่างไร? เมื่อไหร่ควรเปลี่ยนพอตใหม่
หากเป็นพอตเปลี่ยนหัวหรือบุหรี่ไฟฟ้ารุ่นเก่าซึ่งกลิ่นไหม้เกิดขึ้นบ่อย แม้จะเปลี่ยนคอยล์และดูแลระดับน้ำยาอย่างดีแล้ว อาจเป็นสัญญาณว่าระบบไฟฟ้าหรือแบตเตอรี่มีปัญหา ทั้งนี้การควบคุมกำลังวัตต์ผิดปกติ หากพบว่ากำลังวัตต์ไม่คงที่หรือเปลี่ยนแปลงเอง อาจเกิดจากปัญหาของแผงวงจร
สำหรับพอตใช้แล้วทิ้งที่มีกลิ่นไหม้มักเกิดจากการใช้งานเกินขีดจำกัดของอุปกรณ์ โดยทั่วไปพอตประเภทนี้ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ประมาณ 6000-20,000 Puff(แล้วแต่รุ่น) หรือจนกว่าน้ำยาจะหมด เมื่อใช้งานใกล้หมดอายุ น้ำยาที่เหลือน้อยจะทำให้คอยล์ร้อนเกินไปและเกิดกลิ่นไหม้ได้
การสูบถี่เกินไปก็เป็นอีกสาเหตุสำคัญ เมื่อสูบติดต่อกันหลายครั้งโดยไม่พัก คอยล์จะร้อนจัดและอาจทำให้สำลีภายในไหม้ได้ นอกจากนี้ การเก็บพอตไว้ในที่ร้อน เช่น ในรถยนต์หรือกระเป๋ากางเกง ก็อาจทำให้น้ำยาเสื่อมสภาพและเกิดกลิ่นไหม้ได้เช่นกัน
คำแนะนำในการใช้งานไม่ให้พอตไหม้
เพื่อป้องกันปัญหากลิ่นไหม้และการใช้งานที่ปลอดภัย ควรปฏิบัติดังนี้
- ควรพักการใช้งานทุก 3-4 ครั้งที่สูบ เพื่อให้คอยล์เย็นลง
- เก็บพอตในที่อุณหภูมิห้องปกติ ไม่ร้อนหรือเย็นเกินไป
- หากเริ่มรู้สึกว่ารสชาติผิดปกติหรือมีกลิ่นไหม้ ควรหยุดใช้งานทันที
- ไม่ควรใช้งานต่อเมื่อเห็นว่าน้ำยาเหลือน้อยมาก
เมื่อพบว่าพอตเริ่มมีกลิ่นไหม้ ทางที่ดีที่สุดคือการเลิกใช้งานและทิ้งอย่างถูกวิธี การฝืนใช้ต่อไปอาจเสี่ยงต่อสุขภาพและความปลอดภัย แม้ว่าพอตใช้แล้วทิ้งจะมีราคาไม่แพง แต่สุขภาพของคุณมีค่ามากกว่านั้นมาก
เขียนโดย เฮียเจแปน
นักรีวิวบุหรี่ไฟฟ้าชาวไทยที่สนใจและตามหาเรื่องราวในรสชาติและผู้คนที่เกี่ยวโยงกันอย่างมีนัยยะสำคัญ ผ่านควันบุหรี่แต่ละแบบ